“รักในวัยเรียน เหมือนจุดเทียนกลางสายฝน”
คิดว่าน้องๆหลายๆคนน่าจเคยได้ยินคำนี้กันนะครับ คำนี้เป็นคำเชยๆที่ผู้ใหญ่สั่งสอนเราต่อๆกันมา ซึ่งตอนเด็กๆฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันเชยจัง แล้วก็ไม่สามารถที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับอะไรได้เลยในชีวิต แต่เอาเข้าจริงๆฟังไปฟังมามันก็มีเหตุผลนะ ไม่ใช่ว่ามันไม่จะสำเร็จนะครับการที่เราจะจุดไฟท่ามกลางฝนที่ตกหนัก สำหรับคนที่ตั้งใจจุดก็คงจะหาวิธีให้มันไม่ดับ ให้มันติดสำเร็จแต่โอกาสที่จะไม่สำเร็จมันมีมากกว่า
ก็เหมือนอย่างที่น้องๆรู้รู้กันอยู่นั่นแหละสมัยนี้ไม่ต้องจุดเทียนหรอกครับ รักในวัยเรียน แค่เจอแสงแดดจะสายลมพัดผ่านแบบเบาๆก็พร้อมที่จะดับ ปลิวหรือว่าฟุ้งกระจายไปที่อื่นได้ง่ายแล้ว หรือน้องๆจะเถียง เอาง่ายๆแค่น้องเล่น facebook แต่ละวันนี้ น้องก็เห็นแล้วว่าเราสามารถที่จะพูดคุยหรือว่ามีโอกาสพบเจอกับเพื่อนต่างเพศหน้าใหม่ๆได้ตลอดเวลา การที่จะสานสัมพันธ์กับคนใหม่ๆวันนี้ง่ายดายมากๆ มันอยู่ในมือของเราทุกคนเลยด้วยซ้ำ เครื่องมือสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆเนี่ยอ่ะ ก่อนจะนอนเราก็สามารถมีเพื่อนใหม่ได้ เราก็สามารถที่จะมีกิ๊กได้ มีความสัมพันธ์แบบที่ทำให้มีความสุขหรือทุกข์ใจได้ตลอดเวลา
เคยได้ยินคำนี้ไหมครับ ยิ่งไลน์ยิ่งไกล้ คือทุกอย่างมันง่ายไปหมด คิดถึงกัน อยากจะคุยกับใคร อยากจะบอกความในใจอะไรกับใครก็แค่เข้าแอพไลน์ ส่งข้อความพร้อมสติ๊กเกอร์ไปได้ง่ายๆมากเลยอ่ะ แต่อะไรที่มันง่ายดายขนาดนี้มันก็จะแฝงไว้ด้วยความไม่มั่นคงเสมอๆ ตอนนี้มันกลายเป็นว่ายิ่งไลน์ยิ่งไกลออกไป ความสัมพันธ์ที่มันสร้างจากปลายนิ้วมือนั้นไม่ได้ยืนยงอย่างที่ทุกคนคิดอีกต่อไปแล้วครับ
แน่นอนว่าสมัยนี้การอกหักมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายดายมากๆ เด็กวัยรุ่นช่วงนี้เป็นแฟนกันอาทิตย์เดียวนะครับ นับเป็นวันๆกันไปเลยมีการฉลองคบกันมาครบอาทิตย์นึงแล้วดีใจจังเลย ป่าวประกาศให้เพื่อนๆได้รู้กันด้วย เป็นความรักแบบพี่แทบจะนับชั่วโมงกันเลยเหมือนกับว่าการที่มันจะเลยผ่านกันไปในแต่ละวันได้ความรักของพวกน้องๆนั้นมันช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน
และถ้าสุดท้ายมันเป็นความรักที่ไม่สมหวังหล่ะ อกหักกันไปเฉยๆซะแบบนั้น แต่ละคน หรือว่าหลายๆคนที่เคยเห็นเวลาอกหักก็มักจะเก็บตัว ซึมเศร้าเหงาเพราะรักกันไป ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกตินะก็มีพบเห็นได้อยู่บ่อยๆกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่กับบางคนก็ใช้การประชดชีวิต ทำร้ายตัวเองบ้าง ทำร้ายผู้อื่นบ้าง ทำตัวแบบที่แย่ๆไปเลยเพื่อเรียกร้องความสนใจ ซึ่งผลสุดท้ายแล้วจริงๆนั้น คนที่สนใจเราจริงๆก็ไม่ใช่คนที่ทิ้งเราไปหรอก กลับกลายเป็นพ่อแม่ของเรา กลายเป็นคนในครอบครัวของเราอยู่ดี
มันไม่ได้ผลหรอกครับ การที่คนเราหมดรักกันแล้วแล้วจะให้กลับมาเป็นคนรักกันใหม่นั้น ส่วนใหญ่ไม่สำเร็จหรอก แต่มันมักจะกลับมาใหม่ในรูปแบบที่ดีขึ้นกว่าเดิมถ้าเราเป็นคนที่เปิดใจกับมันพอสมควรนะ มันอาจจะกลับมาเป็นเพื่อนที่เป็นเพื่อนสนิทขึ้นกว่าเดิม หรือเป็นคนที่คอยผลักดันชีวิตเรา เป็นที่ปรึกษาที่ดีกับเราไปได้ตลอดชีวิตก็ได้ วันนี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่องของการอกหัก แล้วจะทำยังไงให้การอกหักนั้น มัน มีประโยชน์กับเราที่สุด งงมั้ย .. ผมเคยมีเพื่อนคนนึง ซึ่งอกหัก แล้วแฟนที่ทิ้งเพื่อนผมไปก็ไปคบกับนักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียน ซึ่งเพื่อนผมช้ำใจมากเพราะมันเป็นแค่ผู้ชายตัวผอมๆ เห่ยๆคนนึงเท่านั้น หลังจากวันนั้นมันก็เหงาหงอยอยู่พักนึงแหละ พอซึมเศร้าเหงาหงอยกันได้ประมาณหนึ่งแล้วเหมือนกับว่าวันหนึ่ง มันคงจะคิดขึ้นมาได้ว่ามันน่าสงสารจังเลย ถ้ามันยังทำตัวอยู่แบบนี้ มันก็เลยไปเข้าฟิตเนสออกกำลังออกกำลังกาย ก็ดูจริงจังน่าดูนะครับ หลายเดือนผ่านไป ให้ตายเถอะ มันหล่อขึ้นมาแบบเป็นเห็นๆอ่ะ คือ ดูดีมาก พอเริ่มมีกล้าม หุ่นเริ่มดีขึ้นไม่ใช่เด็กที่ผอมๆแห้งๆอีกต่อไปมันก็เริ่มปรับเนื้อปรับตัว เริ่มดูแลผิวพรรณหน้าตาทรงผม ไปๆมาๆกลายเป็นคนใหม่ไปซะงั้น มันเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ภายในเวลาแค่ เปลี่ยนผ่านชั้นมัธยมเท่านั้นเอง แน่นอนครับว่าแฟนเก่าก็มาเลียบๆเคียงๆจริงๆ คือกลับมาเหมือนจะขอคบเป็นแฟนอีกทีนั่นแหละ น้องๆคงเดาได้ใช่ไหมว่าเพื่อนผมคนนี้มันทำยังไง ถูกต้องครับ มันรู้แล้วครับว่าตอนนี้มันรักใครที่สุด มันรักตัวเองที่สุดครับผม
ถือว่าใช้การอกหักเป็นแรงผลักดันให้กับชีวิตที่ดีได้ ผู้หญิงบางคนอ้วนดำ พอแฟนทิ้ง ก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง ดูแลตัวเองพัฒนาตัวเอง จนกลายเป็นคนที่ น่ารักสวยขึ้นมาได้ภายในเวลาแค่ไม่นานเหมือนกัน เห็นไหมครับทุกอย่างมันง่ายมากเลย เหมือนกับการพลิกผ่ามือของเรา มันอยู่ที่เราเลือกเองจริงๆ ถ้าน้องอกหักน้องอยากเลวทราม อยากประชดชีวิตน้องก็จะไปในทางที่เลวทราม ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกครับ บางคนก็ลาออกจากโรงเรียนก็มีนะ ผมก็เคยเห็นคนที่อกหักแล้วลาออกจากโรงเรียน เอาอนาคตตัวเองไปทิ้งกับเรื่องที่บ้าบอและไร้สาระที่สุดเลย น้องจำคำผมไว้ได้เลยนะ ความรักในชั้นมัธยมมันเป็นเรื่องบ้าบอ แต่มันเป็นเรื่องบ้าบอที่มันจะสร้างความทรงจำดีๆให้กับเราไปอีกยาวนานเลยก็แค่นั้น
ไม่จำเป็นจะต้องเสียสละชีวิตหรือว่าเลือดเนื้อเพื่อมันเลยจริงๆ ผมไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้าย เพื่อนผมที่คบกันมาตั้งแต่ม.3 จนแต่งงานก็มีทุกวันนี้ก็ยังอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แต่ทั้งรุ่นทั้งโรงเรียนก็มีแค่คู่มันคู่เดียว ถ้าคิดจะมีความรักแล้ว จำไว้นะครับว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การที่เราต้องมีความคิดด้วย แล้วมันจะกลมกล่อมมันจะสวยงามมันจะน่าจดจำครับผม แต่ถ้าเป็นความรักที่รุนแรงทะเลาะตบตี ถึงเลือดถึงเนื้อ เสียการเรียนกันไป วันหนึ่งเมื่อน้องหวลคิดถึงมันก็จะมีแต่ความเจ็บปวด ฝากไว้ให้คิดนะครับ และจำเอาไว้อย่างครับ รักใดที่ยิ่งใหญ่เท่ารักจากพ่อแม่ หาไม่มีจริงๆครับ
สยาม เอ็ดตะโร
804 ซอยเพชรเกษม 88 แขวงบางแคเหนือ
เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 10160
Email : siamedtaro@gmail.com
Phone : 08-5151-0100